เดือน |
ชื่อวัฒนธรรม ประเพณี |
ลักษณะวัฒนธรรม ประเพณี |
มกราคม |
กินข้าวใหม่ |
มีชาวเขาหลายเผ่าที่จัดให้มีพิธีนี้ขึ้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดลบันดาลให้ได้ผลผลิตอย่างที่หวังชาวกะเหรี่ยงจะจัดงานพิธีกินข้าวใหม่ภายหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวไร่ข้าวนาเสร็จมีการเลี้ยงฉลองในระหว่างเพื่อนบ้านในหมู่บ้านเดียวกัน
ทุกหลังคาเรือนในหมู่บ้านจะหมักเหล้าเตรียมเอาไว้ เมื่อถึงวันกำหนดงานหมอผีจะประกอบพิธี โดยเริ่มจากบ้านของฮีโข่ หรือหัวหน้าหมู่บ้าน ก่อนเป็นหลังแรกแล้วกระทำต่อไปจนครบทุกหลังคาเรือน ซึ่งกินเวลา 3 วัน กว่าจะเสร็จ โดยพิธีกรรมก็คือ มีการนำเหล้าและไก่มาบวงสรวงต่อผีและวิญญาณจากนั้นก็จะดื่มเหล้ากันตามประเพณีทำพิธีผูกข้อมือด้วยสายสิญจน์ เสกมนต์คาถาอวยพรให้อยู่เย็นเป็นสุขทุกบ้าน
|
กุมภาพันธ์ |
มัดมือปีใหม่ยาฮู้
|
จัดประมาณเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายนตอนเช้าของวันพิธีมีการฆ่าควายแล้วทำอาหารรับประทานกัน มีการต้มเหล้าใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมงและมีการตำข้าวปุก
(คือข้าวเหนียวตำคลุกงา)
|
มีนาคม |
ประเพณีบวชเณร |
บวชพระบวชเณรช่วงปิดเทอมคล้ายๆเอาลูกหลานไปฝากพระเลี้ยงดูอบรมดูแลทางด้านจริยธรรม |
เมษายน |
1.ประเพณีวันสงกรานต์
2. ก่อเจดีย์ทราย
3. พิธีไล่ผีหมู่บ้าน
|
มีการทำบุญตักบาตรในตอนเช้า จากนั้นจึงสรงน้ำพระ และรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุในหมู่บ้าน ก่อเจดีย์ทรายช่วงสงกรานต์ด้วยความเชื่อและนับถือในเรื่องผีวิญญาณชาวกะเหรี่ยงจึงมีประเพณีและพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงผีเสมอ ผีที่ชาวกะเหรี่ยงนับถือมีอยู่ 2 อย่างคือ ผีดีกับผีร้าย ผีดีคือผีบ้านซึ่งมีหน้าที่ดูแลรักษาหมู่บ้านหรือผีเจ้าที่นั่นเอง และผีเรือน คือผีบรรพบุรุษ เช่นผีปู่ย่าตายายที่ตายไปแล้ว วิญญาณยังคงวนเวียนคุ้มครองลูกหลานอยู่ชาวกะเหรี่ยงจะมีพิธี เซ่น บวงสรวงบูชาผีเรือนอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้ปลอดภัยจากการเจ็บไข้ได้ป่วย หรือรอดพ้นจากภัยทั้งปวง นอกจากเลี้ยงผีบ้านผีเรือนแล้วชาวกะเหรี่ยงยังมีพิธีเลี้ยงผีไร่ผีนา ผีป่า ผีดอย อีกด้วย ทั้งนี้โดยอาศัยหมอผีผู้มีความรู้ในเรื่องไสยศาสตร์ เวทย์มนต์คาถา เน้นผู้ประกอบพิธีกรรมเลี้ยงผีเหล่านี้ซึ่งอาจจะมีทั้งผีดีและผีร้าย ที่อยู่ตามป่าเขาลำธารทั่วไป คอยลงโทษผู้ที่ผ่านไปให้ได้รับความเดือดร้อนดังนั้น ความเชื่อถือในเรื่องผีและวิญญาณของชาวกะเหรี่ยง จึงมีผลดีต่อสังคมชาวกะเหรี่ยงอย่างมากและทำให้เกิดคุณธรรมขึ้นเพราะไม่มีใครกล้าทำความผิดแม้แต่ต่อหน้าและลับหลัง เช่นการลักขโมยหรือการผิดลูกผิดเมียผู้อื่นแม้คนไม่เห็นแต่ผีเห็นเสมอเป็นต้น
|
พฤษภาคม |
ประเพณีมัดมือช้าง |
เป็นการมัดมือช้างและขอให้อยู่คู่กับเจ้าของบ้านนานๆ |
กรกฏาคม |
แห่เทียนเข้าพรรษา |
ก่อนวันเข้าพรรษาชาวบ้านในหมู่บ้านร่วมกับหน่วยงานต่างๆ นำเทียนจำนำพรรษามาถวายที่วัดในหมู่บ้าน เมื่อถึงวันเข้าพรรษาจะมีการตักบาตรทำบุญ พุทธศาสนิกชนในหมู่บ้านจะมาทำบุญตักบาตรทุกวันพระตลอดช่วงเข้าพรรษา |
สิงหาคม |
กี้จือลาขุ |
พิธีผูกข้อมือกะเหรี่ยงมักนิยมทำกันในงานพิธีมงคลต่างๆเรียกว่ากี่จือ หรือการมัดมือเสร็จแล้วก็เลี้ยงฉลองกันอย่างสนุกสนานรื่นเริง งานประเพณีนี้จะมีการฆ่าไก่และหมูนำมาเป็นเครื่องเซ่นไหว้ผีและนำมาเลี้ยงกันอย่างทั่วถึงในหมู่บ้านแต่ละแห่ง |
สิงหาคม |
วันแม่แห่งชาติ |
ในตอนเช้าจัดพระบรมฉายาลักษณ์และสมุดลงนามถวายพระพร เพื่อให้ประชาชนในหมู่บ้านได้มาร่วมลงนามถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ร่วมปลูกต้นไม้พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ |
กันยายน |
ประเพณีผูกข้อมือ วัว ควาย (หรือทำขวัญ วัว ควาย) |
เป็นการมัดมือเพื่อให้ออกลูกเยอะๆ |
ตุลาคม |
ออกพรรษา |
ชาวบ้านจะร่วมกันนำข้าวสารอาหารแห้ง และของใช้ที่จำเป็นมาตักบาตรเทโวที่วัดภายในหมู่บ้านชาวบ้านร่วมกันทอดผ้าป่า กฐินมาถวายที่วัดภายในหมู่บ้าน
|
พฤศจิกายน |
ลอยกระทง |
จัดกิจกรรมลอยกระทงภายในบริเวณหมู่บ้านเพื่อเป็นการขอขมาต่อองค์พระแม่คงคา |
ธันวาคม |
วันพ่อแห่งชาติ |
จัดพระบรมฉายาลักษณ์และสมุดลงนามถวายพระพร เพื่อให้ประชาชนในหมู่บ้านได้มาร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ |
ธันวาคม |
ส่งเคราะห์หมู่บ้าน |
ชาวบ้านจะหาพื้นที่ในการจัดกิจกรรมโดยใช้ที่กว้างนั้นก็คือกลางหมู่บ้านเพื่อเป็นส่วนรวมทำกิจกรรมร่วมกันโดยชาวบ้านจะนำไม้ไผ่มาสานเป็นตะแกรงถี่ๆเพื่อที่จะใช้ใส่ของ ซึ่งประกอบด้วย ข้าว ขนมแห้ง ดอกไม้ และผลไม้ต่างๆ และยังสานตะกร้าน้อยอีก 4 ใบ เพื่อวางดอกไม้ และเศษด้ายมารวมกันแล้วจุดเทียน 2 ดอก ขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่ในหมู่บ้านช่วยปกป้องปักรักษาและคุ้มครองให้ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข |
ธันวาคม |
ศิลปะการแต่งกายของชาวกะเหรี่ยงตำบลแม่จันทำได้ตลอดปี |
กะเหรี่ยงในตำบลแม่จันเป็นชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงสะกอ ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ชาวกะเหรี่ยงตำบลแม่จันเป็นนักทอเพราะทอผ้ากันเป็นวัฒนธรรมประจำเผ่าเสื้อสาวโสดตั้งแต่ยังเยาว์จนได้เวลาออกเรือนจะเป็นเสื้อประดับลวดลายให้งดงาม ส่วนหญิงที่มีครอบครัวแล้วจะสวมเสื้อและนุ่งผ้าถุงคนละท่อนผ้านุ่งและเสื้อจะมีความสั้นยาว ลวดลาย และสีสันหลากหลาย มีการตกแต่งนานารูปแบบ เช่นนำลูกเดือยมาประดับ หรือใช้กรรมวิธีทอยกดอก หรือยกลายเป็นต้นและชาวกะเหรี่ยงโปว์จะประดับประดาตกแต่งมากกว่ากะเหรี่ยงสะกอสำหรับผู้ชายกะเหรี่ยงนั้นส่วนมากจะสวมเสื้อตัวยาวถึงสะโพก ตัวเสื้อจะมีการตกแต่งด้วยแถบสีไม่มีการปักประดับเหมือนเสื้อผู้หญิง นอกจากนี้ชาวกะเหรี่ยงทั้งหญิงชายจะนิยมใช้สร้อยลูกปัดเป็นเครื่องประดับไม่นิยมใช้เครื่องเงินชิ้นใหญ่เช่นชาวเขาเผ่าอื่น นิยมสวมกำไลอะลูมิเนียมและทองเหลืองโดยเฉพาะสาวกะเหรี่ยงโปว์จะสวมกำไลเกือบทั้งแขนทรงกระสอบ ผ้าฝ้ายพื้นขาว ทอหรือปัก |
มกราคม |
ศิลปะด้านการร้องเพลง ทำได้ตลอดปี |
องค์ประกอบของเพลงกะเหรี่ยงความสัมพันธ์ระหว่างเพลงกะเหรี่ยงกับชีวิตของชาวเขา กะเหรี่ยงในตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก เพลงที่เป็นเพลงพื้นบ้านมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง 4 ประเภท คือเพลงกล่อมลูก เพลงเกี้ยว เพลงรำแคน และเพลงเกี่ยวกับงานศพเพลงแต่ละประเภทมีทำนองหลักเพียงทำนองเดียวขับร้องได้หลายเนื้อร้องสามารถขยายหรือตัดทอนทำนองได้ตามความยาวของเนื้อร้อง ทั้งทำนองและเนื้อร้องอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม ไม่สามารถบอกได้ว่าทำนองใดคือทำนองที่ถูกต้องที่สุดและไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นผู้ประพันธ์ขึ้นมาเป็นคนแรก โน้ต เพลงกะเหรี่ยงเป็นเพลงพื้นบ้านที่ใช้ขับร้องกันในงานประเพณีและเทศกาลต่างๆภายในหมู่บ้านลีลาของจังหวะและทำนองดำเนินไปองค์ประกอบของดนตรีกะเหรี่ยงมีทำนองเพลงที่เรียบง่ายไม่กระโดดมาก เพลงทุกประเภทใช้จังหวะปานกลางในอัตรา 2 จังหวะเคาะไม่ประสานเสียง คีตลักษณ์ (รูปแบบ)มักใช้แบบเพลงท่อนเดียวดนตรีและเพลงกะเหรี่ยงมีความสอดคล้องกับวิถีชีวิตเรียบง่ายตามแบบของชาวชนบทประกอบอาชีพทางการเกษตร เป็นอาชีพหลักขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมศิลปะการแสดง มีเอกลักษณ์ของตัวเองปัจจุบันสภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไปศิลปะการขับร้องฟ้อนรำที่เป็นของชาวกะเหรี่ยงกำลังสูญหายไปตามสภาพความเปลี่ยนแปลงการอนุรักษ์และการสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยงจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งมีการ |
เมษายน |
ถางไร่เพื่อทำการเกษตร |
การเตรียมพื้นที่สำหรับเพาะปลูกก่อนเข้าสู่ฤดูฝน |
กรกฏาคม |
1. ฝนตกหนัก อึ่งอ่างเริ่มออกหากิน
2. เริ่มมีของป่า (หน่อไม้) มากขึ้น
|
1. ชาวบ้านหาจับอึ่งอ่างมาบริโภคและขายเป็นรายได้
2. ชาวบ้านเริ่มเก็บหาของป่า หน่อไม้ ลูกเหนียง (มะตึ่งยาง) ไว้บริโภค และขายเป็นรายได้ |
กรกฏาคม |
ฤดูฝน |
1. พื้นที่การเกษตรมีความชุ่มชื้น
2. ชาวบ้านเริ่มไถหว่านนาปี
|
สิงหาคม |
ฤดูฝน |
1. พื้นที่การเกษตรมีความชุ่มชื้น
2. ชาวบ้านทำนาปี
|
กันยายน |
เห็ดโคนออก |
ชาวบ้านออกเก็บเห็ดโคนเพื่อบริโภคและขายเป็นรายได้ |
ตุลาคม |
1.ฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิต เช่นเกี่ยวข้าวในนาปีและข้าวไร่
2.เก็บพืชไร่ เช่น ฟักทอง มันสำปะหลัง
|
1.ชาวบ้านเริ่มเกี่ยวข้าวนาปี และข้าวไร่
2.ตีข้าวและเก็บผลผลิต
|
มิถุนายน |
ปลูกพริก ปลูกข้าวโพด |
ลงพืชผลทางการเกษตร |
พฤศจิกายน |
เก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร |
เก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร เช่นเกียวข้าว |
เดือน |
เหตุการณ์ / ปรากฎการณ์ |
ลักษณะของปรากฎการณ์/ผลกระทบ |
เมษายน |
เกิดภัยแล้ง |
ระดับน้ำในลำห้วยเริ่มลดลง ไม่สามารถใช้น้ำเข้าพื้นที่การเกษตรได้ |
เมษายน |
1.เกิดภัยแล้ง
2.ฟันไร่
3. เผาไร่
|
1.ระดับน้ำในแม่น้ำ....เริ่มลดลง ทำให้ใช้ไฟฟ้าพลังน้ำไม่ได้
2.ชาวบ้านทำการฟันไร่ของตัวเอง
3. ชาวบ้านเผาไร่และทำการเก็บเศษไม้ที่ไหม้ไม่หมดออกจากกองเพื่อเตรียมการหยอดข้าว
|
พฤษภาคม |
1. เริ่มเข้าฤดูฝน
2. เกิดพายุฤดูฝน
|
1. มีฝนฟ้าคะนอง อากาศแปรป่วน
2. ฝนตกทำให้ดินเริ่มเกิดความชุ่มชื้น
3. เวลาเข้าป่าต้องระวังเกี่ยวกับฝนฟ้าอากาศ
4. เริ่มเฝ้าระวังและควบคุมโรคไข้มาลาเรีย
5.ชาวบ้านมีการหยอดข้าวไร่และทำรั้วล้อมไร่เตรียมพื้นที่ทางการเกษตร
|
พฤศจิกายน |
เริ่มเข้าฤดูหนาว |
อากาศเริ่มเปลี่ยนแปลง เกิดโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจโดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก |
ธันวาคม |
อากาศมีความหนาวเย็น |
อากาศเริ่มเปลี่ยนแปลงเกิดโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจโดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก/ผู้สูงอายุ |