เดือน |
ชื่อวัฒนธรรม ประเพณี |
ลักษณะวัฒนธรรม ประเพณี |
มกราคม |
กินข้าวใหม่ |
ร่วมกันจัดงานกินข้าวใหม่โดยทุกบ้านจะหุงข้าวใหม่แล้วนำไปให้พ่อแม่ของตนและนำไปถวายพระที่วัดเป็นการบูชาผู้มีพระคุณและบูชาพระ |
เมษายน |
สงกรานต์
เล่นลูกสะบ้า
กินข้าวแช่
ขอขมาต้นไม้
|
จะจัดทำบุญวันสงกรานต์ สรงน้ำพระโดยตักน้ำจากกลางลำห้วยแล้วนำเครื่องหอมเช่นขมิ้น รากพืชหอม ใส่เพื่อสรงน้ำพระ ตอนเย็นสวดพระปริตรมีการทำน้ำมนต์แล้วนำกลับไปปะพรมที่บ้านของตนเพื่อขจัดสิ่งที่ไม่ดี กลางวันมีการเล่นลูกสะบ้า มีการทำข้าวแช่ถวายพระและกินในครอบครัว จากนั้นเจ้าวัดจะนำไปทำพิธีขอขมาต้นไม้ให้อยู่เย็นเป็นสุขและมีอายุยืน |
พฤษภาคม |
ทำผีแต่ละครอบครัว |
แต่ละครอบครัวจะทำผีตามประเพณีของตน โดยลูกหลานจะมารวมกันที่บ้านพ่อแม่ กินข้าวร่วมกัน และมัดมือ |
กรกฏาคม |
ทำบุญแห่เทียนเข้าพรรษา
แห่ผ้าป่า
|
ชาวบ้านจะนำขี้ผึ้งมาหล่อหลอมเป็นแท่งเทียน แล้วแห่ไปถวายพระที่วัดพร้อมผ้าไตรจีวร และพุ่มผ้าป่าที่แต่ละบ้านทำหรือรวมกันทำหลายๆบ้าน จากนั้นจะสวดมนต์ทำบุญตามปกติ |
สิงหาคม |
มัดมือเดือนเก้า |
ในวันขึ้น 15 ค่ำเดือนเก้า ตอนเช้าจะร่วมกันทำบุญที่วัด แล้วชาวบ้านจะทำพิธีมัดมือให้ลูกหลาน คนแก่ ครู เพื่อเป็นการเรียกขวัญ และให้อายุยืนไม่เจ็บไข้ได้ป่วย |
กันยายน |
ทำบุญเครื่องบิน |
เชื่อกันว่าเป็นการปลดปล่อยสิ่งไม่ดีให้ไปกับเครื่องบินเพื่อให้ตนและครอบครัวมีความสุขและมีสุขภาพที่แข็งแรง ชาวบ้านจะนำไม้ ไม้ไผ่ หวาย มาทำเครื่องบินแล้วนำไปวางไว้กลางลานวัด จากนั้นจึงนำสิ่งของที่มีอยู่มาใส่ในเครื่องบิน เช่น ข้าว ฟักทอง มะพร้าว กล้วย ต้นอ้อย และประดับด้วยดอกไม้ให้สวยงาม ตอนเช้าทำบุญสวดมนต์บนวัดหลังสวดมนต์เย็นจะต้องลงมาพิธีสวดมนต์และไหว้เครื่องบินด้วย |
ตุลาคม |
ทำบุญออกพรรษา
ยกธง
|
ตอนเย็นสวดพระปริตรและทำน้ำมนต์ไปปะพรมบ้านของตน เช้ามีพิธีทำบุญและยกธงที่ชาวบ้านช่วยกันทอด้วยด้ายและไม้ไผ่แผ่นบางๆเชื่อกันว่าถ้าธงยาวและปักเสาให้สูงจะได้บุญมาก |
พฤศจิกายน |
กวนข้าวทิพย์
ลอยกระทง
|
วันขึ้น 14 ค่ำเดือน12 ชาวบ้านจะทำพิธีกวนข้าวทิพย์ โดยนำหัว 7 อย่างและเม็ด 7 อย่าง คั่วตำละเอียดแล้วนำมาผสมกันกวนจนเกือบสว่างเชื่อกันว่าเมื่อผสมทุกอย่างรวมกันรสชาตจะเหมือนน้ำนมแม่ใครที่ได้เข้ากวนข้าวทิพย์ติดต่อกันถึง3ปีเหมือนได้บวชแทนคุณพ่อแม่ ตี4 แห่ไปถวายพระและคนที่เคารพนับถือ เช้าทำบุญวันลอยกระทง เย็นสวดมนต์และทำแพที่ใส่สิ่งของที่มีอยู่ทุกอย่าง เช่น ข้าว อ้อย กล้วย มะพร้าว ฟักทอง ฯลฯเพื่อขอขมาพระอุปกุที่ช่วยรักษาน้ำให้มีกินมีใช้ |
ธันวาคม |
ทำบุญยุ้งข้าว |
เป็นการขอบคุณที่ปีนี้ได้ข้าวดีและขอให้ปีหน้าให้ได้ดีอย่างนี้อีก ชาวบ้านจะช่วยกันทำยุ้งข้าวเล็กๆที่กลางลานวัดจากนั้นนำข้าวที่บ้านของตนมาใส่ในยุ้งคนละเล็กน้อย รวมทั้งพืชผลในไร่ทุกชนิด มีการประดับประดาด้วยดอกไม้ ใบไม้ที่สวยงาม ตอนเช้าทำบุญ ตอนเย็นสวดมนต์ทำพิธีไหว้ยุ้งข้าวและมีการร้องเพลงฟ้อนรำเฉลิมฉลองด้วย |
กันยายน |
น้ำกัดเท้า |
เนื่องจากการทำนาที่ต้องแช่ในน้ำนานๆทำให้เกิดแผลที่ระหว่างง่ามนิ้วเท้าและจะมีอาการคันมาก |
เดือน |
การทำงาน |
ลักษณะของการทำงาน |
มกราคม |
นำข้าวใหม่ขึ้นยุ้ง
เก็บใบตองตึง
เก็บผักขาย
|
นำข้าวใหม่เก็บขึ้นยุ้ง
ออกเก็บใบตองตึงในเวลาเช้ามืด
ผักสวนครัวเริ่มขายได้
|
กุมภาพันธ์ |
ฟันไร่
ตำข้าวไว้กินในฤดูฝน
ไพใบตอง
ชะอมเริ่มออก
|
หาที่ไร่เก่าเพื่อฟันไร่
ตำข้าวด้วยครกตำข้าวพลังน้ำเพื่อเก็บไว้กินในฤดูฝน
ไพใบตองตึงสำหรับไว้ทำหลังคาบ้านและหลังคายุ้งข้าว
ฝนเริ่มตกบ้างชะอมเริ่มแตกยอด
|
มีนาคม |
ตำข้าวไว้กินในฤดูฝน
ปลูกบ้านใหม่/ซ่อมบ้าน
เผาไร่/รื้อไร่
ทำรั้วไร่
|
ตำข้าวด้วยครกตำข้าวพลังน้ำเพื่อเก็บไว้กินในฤดูฝน
ปลูกบ้านใหม่ /ซ่อมแซมหลังคาบ้าน/ซ่อมแซมหลังคากระท่อมที่ไร่นา
ใบไม้ต้นไม้ที่ฟันไร่เริ่มแห้งต้องเผาก่อนฝนตก
ใช้ไม้ไผ่ทำรั้วกันวัวกันควายเข้าไร่นา
|
เมษายน |
เก็บฟืน
ปลูกพริก
ดอกดิน/ผักหนาม/ดอกกระเจียวเริ่มออก
|
เก็บไม้แห้งมาผ่าไว้ทำฟืนเพื่อใช้ตลอดปี
เริ่มหยอดเมล็ดพริกในไร่
ดอกดิน/ผักหนาม/ดอกกระเจียวเริ่มออกหลังจากฝนตก
|
พฤษภาคม |
ปลูกข้าวไร่
ปลูกข้าวโพด/พืชไร่ทุกชนิด
หน่อไม้/เห็ดถอบเริ่มออก
|
หลังจากที่ฝนตกติดต่อกันจนดินชื้นชาวบ้านจะเริ่มหยอดข้าวไร่
เริ่มปลูกข้าวโพดและพืชไร่ทุกชนิดพร้อมกับการหยอดข้าว
หน่อไม้ใต้ดินเริ่มออกพร้อมเห็ดถอบ
|
มิถุนายน |
ดายหญ้าในไร่
เห็ดโคนใหญ่เริ่มออก
หน่อไม้ไร่เริ่มออก
|
หญ้าในไร่เริ่มยาวชาวบ้านจะดายหญ้าด้วยแรงงานในครอบครัว
เห็ดโคนดอกใหญ่จะออกในช่วงนี้
หน่อไม้ไร่เริ่มออก
|
มกราคม |
ปั้นคันนา
ไถนา
หว่านกล้า
เห็ดโคนดำเริ่มออก
|
ชาวนาเตรียมพื้นที่นาสำหรับทำนา
เริ่มไถนา
หว่านกล้าไปพร้อมเพื่อรอการปักดำ
เห็ดโคนดำดอกขนาดกลางเริ่มออกแทบทุกกอไผ่มีแต่เห็ด
|
สิงหาคม |
ปลูกข้าวในนา
ดายหญ้าในไร่
เห็ดโคนดำเริ่มออก
|
เริ่มปักดำข้าวในนา
ดายหญ้าในไร่ข้าวรอบที่2
เห็ดโคนดำยังมีให้กินอีกรอบ
|
กันยายน |
ตัดหญ้าในนา
เห็ดโคนสายเริ่มออก
|
ตัดหญ้าในนาข้าว
เห็ดโคนที่มีลักษณะก้านเป็นสายยาวประมาณ 1 ฟุตเริ่มออก
|
ตุลาคม |
เกี่ยวข้าวไร่
เก็บพริก
ผักกูดเริ่มออก
|
ชาวบ้านที่ทำไร่ข้าวจะเริ่มทยอยเกี่ยวข้าวไร่ของตนและบางครั้งมีการลงแขกช่วยเพื่อนบ้านเกี่ยวด้วย
พริกในไร่เริ่มแก่ชาวบ้านจะเริ่มเก็บพริกแล้วนำมาตากเป็นพริกแห้ง
น้ำในลำห้วยแม่จันเริ่มลดระดับเนื่องจากฝนเริ่มตกน้อยลงผักกูดจะเริ่มแตกยอดอ่อนตลอดแนวริมลำห้วย
|
พฤศจิกายน |
เกี่ยวข้าวในนา
นวดข้าวไร่
ปลูกผักสวนครัวที่บ้าน
|
ชาวบ้านที่ทำนาจะเริ่มเกี่ยวข้าวนา
ชาวบ้านที่ทำข้าวไร่จะรวมกองข้าวและนวดด้วยควายหรือบางบ้านที่ไม่มีควายจะใช้วิธีตีข้าวในเวลากลางคืนที่นวดข้าวจะมีการละเล่นต่างๆเช่นตี
มะพร้าว ปีนเสาเอาเงิน เจ้าของข้าวจะเลี้ยงข้าวและขนม เช่นข้าวเหนียว แกงเนื้อ เป็นต้น
ปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษบริเวณพื้นที่ข้างบ้าน ผักที่ปลูกได้แก่ กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ผักชี คะน้า กวางตุ้ง ฮ่องเต้
|
ธันวาคม |
เกี่ยวข้าวในนา
นวดข้าวนา
|
บางบ้านที่ปลูกข้าวนาช้ากว่าบ้านอื่นๆจะเริ่มเกี่ยวข้าวนาแล้วมัดรวมกอง
รวมข้าวนาและนวดข้าวแล้วตวงว่าได้จำนวนเท่าไร ( นับเป็นปิ๊บ )
|
เดือน |
เหตุการณ์ / ปรากฎการณ์ |
ลักษณะของปรากฎการณ์/ผลกระทบ |
มกราคม |
อากาศหนาวเย็น
โรคผิวหนัง
|
ผิวหนังแห้งแตก ริมฝีปากแตก
บางคนเป็นโรคผิวหนังเนื่องจากไม่อาบน้ำหรือไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า
|
กุมภาพันธ์ |
อากาศเริ่มอุ่นขึ้น |
เนื่องจากใกล้เปลี่ยนเป็นฤดูร้อน |
มีนาคม |
อากาศค่อนข้างร้อน |
อาจทำให้หงุดหงิดอารมณ์เปลี่ยนง่าย |
เมษายน |
แมลงวันมาก
โรคท่องร่วง
|
เป็นช่วงที่มีผลไม้สุก เช่น ขนุน มะม่วง ทำให้มีแมลงวัน แมลงหวี่เพิ่มขึ้น
บางครั้งเกิดอาการท้องร่วงจากอาหารที่ไม่สะอาดมีแมลงตอม
|
พฤษภาคม |
ฝี |
ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีแมลงเล็กๆเยอะชาวบ้านจะเป็นฝีกันมาก |
มิถุนายน |
ไข้มาลาเรีย
ไข้หวัด
|
เป็นช่วงที่มีฝนตกน้ำขังในแอ่งยุงจะชุกชุมซึ่งเป็นพาหะของไข้มาลาเรีย
ฝนตกมากขึ้นทำให้บางคนเป็นไข้หวัดและบางครั้งมีอาการไอร่วมด้วย
|
กรกฏาคม |
ฝนตกตลอดทั้งเดือน
โรคผิวหนัง
|
ทำให้เป็นไข้หวัด
เนื่องจากไม่ซักเสื้อผ้าหรือตากไม่แห้งไม่มีแดดทำให้อับชื้น
|
สิงหาคม |
โรคผิวหนังและฝี |
เกิดการอักเสบจากแมลงกัดหรือเชื้อโรคที่ผิวหนังจากการเปียกชื้นหรือจากเสื้อผ้าที่ไม่สะอาด |
ตุลาคม |
อากาศเริ่มเปลี่ยนฝนตกน้อยลงและช่วงปลายเดือนจะเริ่มหนาวเย็น
ไข้มาลาเรียชุกชุม
|
จะมีอาการของไข้หวัดและบางคนมีอาการไอร่วมด้วยเนื่องจากอากาศเริ่มเปลี่ยนฤดู
เนื่องจากฝนเริ่มน้อยลงจะมียุงตัวเล็กๆเยอะมากชาวบ้านจะป่วยเป็นมาลาเรีย
|
พฤศจิกายน |
เป็นช่วงอากาศหนาว |
ผิวหนังแห้งแตก ริมฝีปากแตก |
ธันวาคม |
อากาศหนาวเย็น
โรคผิวหนัง
|
ผิวหนังแห้งแตก ริมฝีปากแตก
บางคนเป็นโรคผิวหนังเนื่องจากไม่อาบน้ำหรือไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า
|