ประเภททรัพยากร |
ลักษณะแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ |
ลักษณะการใช้ประโยชน์ |
ด้านป่าไม้ |
เป็นป่าชุมชน จำนวน 200 ไร่ มีจำนวน 2 แห่ง
แห่งที่ 1 มีจำนวน 50 ไร่ สภาพป่าเป็นป่าไผ่
แห่งที่ 2 มีจำนวน 150 ไร่ สภาพป่าเป็นป่าดิบชื้น เช่น ต้นไม้กฤษณา ต้นไทร ต้นโพธิ์ ฯลฯ
ป่าชุมชนทั้ง 2 แห่งนี้ จะเป็นป่าที่ได้ประโยชน์ 4 อย่าง คือ ป่ากินได้ ป่าฟืน ป่าใช้สอยหรือสร้างบ้าน และป่าเพื่อการอนุรักษ์
|
1.เป็นแหล่งอาหารตามธรรมชาติของคนในชุมชน และของป่าอื่นๆ รวมทั้งยาสมุนไพร
2.เป็นแหล่งเรียนรู้ในของเยาวชนและคนในชุมชนชุมชน
3.ด้านประโยชน์ใช้สอย เช่น การจักสาน ใช้เป็นฟืน ถ่านก่อสร้างอาคารบ้านเรือน
4.อนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ลดการตัดไม้ทำลายป่า
5.ช่วยสร้างความเข้าใจและสำนึกในการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำลำธาร
6.เป็นที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารของสัตว์ป่า
7.ช่วยเพิ่มพูรายได้สำหรับคนในชุมชน
8.เป็นเครื่องมือในการฟื้นฟูระบบนิเวศน์ที่เสื่อมโทรมให้กับมามีความอุดมสมบูรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
10.ทำให้เกิดความหวงแหนและตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นของตนเอง
11.เป็นไม้ให้ร่มเงาพืชเศรษฐกิจอื่น
12.เกิดความหลากหลายทางชีวภาพทั้งพืชและสัตว์
|
ด้านสมุนไพร |
สมุนไพรแก้อาการกลุ่มโรคกระเพาะ
1.ขมิ้นชัน
2.กล้วยน้ำว้า
|
1.นำเหง้าแก่สด ล้างให้สะอาด ไม่ต้องปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นบางๆตากแดด 1-2 วัน บดให้ละเอียดผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอน รับประทานวันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน
2.ผลดิบหรือห่าม รับประทานครั้งละครึ่งผล-หนึ่งผล หรือใช้กล้วยน้ำว้าดิบฝานเป็นแว่นตากแดดให้แห้ง บดเป็นผงปั้นเป็นยาลูกกลอนรับประทานครั้งละ 4 เม็ด วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน
|
ด้านสมุนไพร |
สมุนไพรแก้อาการท้องผูก
1.มะขาม
|
1.ใช้ใบแห้ง 1-2 กำมือครึ่งต้มกับน้ำดื่ม ผู้หญิงหรือมีประจำเดือนห้ามรับประทาน |
ด้านสมุนไพร |
สมุนไพรแก้อาการท้องเสีย
1.ฝรั่ง
2.ฟ้าทะลายโจร |
1.ใช้ใบแก่ 10-15 ใบ ปิ้งไฟและชงน้ำรับประทานหรือใช้ผลอ่อน 1 ผลฝนกับน้ำปูนใส รับประทาน ใบสด 2-3 ใบเคี้ยวและคายทิ้งหลังรับประทานอาหารจะช่วยระงับกลิ่นปาก
2.นำใบฟ้าทะลายโจรสดล้างให้สะอาด ผึ่งลมให้แห้ง(ห้ามตากแดด)บดเป็นผงให้ละเอียดปั้นกับน้ำผึ้งเป็นยาลูกกลอนผึ่งลมให้แห้ง เก็บไว้ในขวดแห้งและมิดชิด รับประทานครั้งละ 1 กรัม วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน |
ด้านสมุนไพร |
สมุนไพรรักษาอาการไอ และระคายคอจากเสมหะ
1.ฟ้าทะลายโจร
2.ขิง
|
1.ใช้ใบฟ้าทะลายโจรสด 1-3 กำมือ ต้มกับน้ำ 10-15 นาที ดื่มก่อนอาหารวันละ 3 ครั้ง หรือเวลามีอาการไอ
2.เหง้าขิงฝนกับน้ำมะนาวหรือใช้เหง้าขิงสดตำผสมกับน้ำต้มสุกเล็กน้อย คั้นเอาน้ำและเติมเกลือเล็กน้อย ใช้กวาดคอหรือจิบบ่อยๆ
|
ด้านสมุนไพร |
สมุนไพรแก้อาการขัดเบา(ปัสสาวะไม่ค่อยออก กะปริบกะปรอยรู้สึกเหมือนปัสสาวะไม่สุด)
1.กระเจี๊ยบแดง
|
1.นำเอากลีบเลี้ยงหรือริ้วประดับสีม่วงแดง ตากแห้งและบดเป็นผง ใช้ครั้งละ 1 ช้อนชา (หนัก 3 กรัม)ชงกับน้ำเดือด1 ถ้วย(250 มิลลิลิตร)ทิ้งไว้ 5-10นาที รินเฉพาะน้ำสีแดงใสดื่ม วันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันทุกวันจรกว่าอาการขัดเบาจะหายไป |
ด้านสมุนไพร |
สมุนไพรรักษาอาการกลากเกลื้อน
1.กระเทียม
2.ข่า
|
1.ฝานกลีบกระเทียมแล้วนำมาถูบ่อยๆหรือคั้นเอาน้ำทาบริเวณที่เป็น โดยใช้ไม้เล็กหรือไม้ไผ่ที่สะอาดขูดบริเวณที่เป็นพอให้ผิวแดงๆก่อน แล้วจึงเอากระเทียมขยี้ทา ทาบ่อยๆหรือวันละ3-4 ครั้งเมื่อหายแล้วทาต่ออีก 7 วัน
2.เอาหัวข่าแก่ๆล้างให้สะอาด ฝานเป็นแว่นบางๆหรือทุบให้แตก นำไปแช่เหล้าขาวทิ้งไว้ 1 คืน ทำความสะอาด บริเวณที่เป็น ใช้ไม้บางๆเขี่ยให้ผิวแดงๆและใช้น้ำยาที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นทาวันละ 3-4 ครั้ง จนกว่าหาย หายแล้วทาต่ออีก 7 วัน
|
ด้านสมุนไพร |
สมุนไพรเพื่อรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
1.บัวบก
2.ว่านหางจระเข้
|
1.เอาบัวบกทั้งต้นสด 1 กำมือ ล้างให้สะอาดและตำให้ละเอียด คั้นน้ำและเอาน้ำทาชะโลมบริเวณที่เป็นแผลให้ชุ่มคออยู่เสมอในชั่วโมงแรก(ใช้กากพอกด้วยก้ได้ ต่อจากนั้นทาวันละ 3-4 ครั้ง จนหาย)
2.เลือกใบว่านที่อยู่ส่วนกลางของต้น ปอกเปลือกสีเขียวออกด้วยมีดที่สะอาด ล้างยางให้สะอาดด้วยน้ำต้มสุกหรือน้ำด่างทับทิม ขูดเอาวุ้นใสมาทาบริเวณแผลให้ชุ่ม |
ด้านสมุนไพร |
สมุนไพรเพื่อรักษาอาการปวดฟัน
1.ข่อย
2.ผักคราดหัวแหวน
|
1.ใช้เปลือกต้นสดขนาดประมาณ 1 ฝ่ามือสับเป็นชิ้น ต้มกับน้ำพอสมควรและใส่เกลือให้มีรสเค็ม ต้มนาน 10-15 นาที เอาน้ำขณะที่ยังอุ่น อมบ่อยๆ
2.ใช้ดอกสดประมาณพอเหมาะกับเกลืออมหรือกัดไว้บริเวณที่ปวด
|
ด้านสมุนไพร |
สมุนไพรเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย เคล็ดขัด ยอก
1.ไพล
|
1.ใช้เหง้า1 เหง้า ตำแล้วคั้นเอาน้ำทา ถูบริเวณที่มีอาการ หรือตำให้ละเอียดผสมเกลือเล็กน้อยคลุกเคล้า แล้วนำมาห่อเป็นลูกประคบอังไอน้ำให้ความร้อนประคบบริเวณปวดเมื่อยและฟกช้ำเช้าเย็น จนกว่าหาย |
ด้านสมุนไพร |
สมุนไพรเพื่อรักษาโรคหิดเหา
1.น้อยหน่า
|
.นำเอาเมล็ดน้อยหน่าประมาณ
10 เมล็ดหรือใบสดประมาณ 1 กำมือ ตำให้ละเอียดผสมกับน้ำมะพร้าว 1-2 ช้อนโต๊ะ ขยี้ให้ทั่วศีรษะแล้วใช้ผ้าโพกไว้ประมาณครึ่งชั่วโมงและสระผมให้สะอาด |
ด้านต้นไม้ หรือพืชต่างๆ ที่ใช้ประโยชน์ในชุมชนท้องถิ่น |
1.ดอกหญ้าไม้กวาด
2.ก้านมะพร้าว
3.ใบตองตึง หญ้าคา ไม้
4.พืชสีธรรมชาติ เช่น ใบฝรั่ง ใบมะม่วงฯลฯ
5.ไม้ไผ่ หวาย
6.ต้นปอ
7.ต้นสบู่
8.ใบงา
9.ต้นสับปะรดป่า หรือต้นกกป่า ไม้ไผ่
10.ดอกฝ้าย
11.ต้นกฤษณา ต้นประดู่
12.ต้นไม้ซ่อ
13.เปลือกไม้
|
1. คนในชุมชนจะนำมาทำเป็นไม้กวาดใช้ในครัวเรือน
2.นำเอาก้านของมะพร้าวมาทำเป็นไม้กวาดก้านมะพร้าว
3.นำมามุงหลังคาบ้าน
4.นำมาใช้ในการย้อมสีด้ายสำหรับทอผ้า
5.นำมาใช้ในการหัตถกรรม เช่น การสานกระด้ง ตะกร้า ฯลฯ
6.นำเปลือกมาทำธนู สายเบ็ด แห
7.นำผลที่แก่มาทุบให้แตกละเอียด มาถูกับผ้า ซักให้สะอาด
8.นำใบมาขยี้ แล้วนำมาสระผม
9.นำมาทอเป็นสื่อ
10.นำเอาฝ้ายมาปั่นเป็นเส้นด้ายแล้วนำมาทอเสื้อ ผ้าห่ม ฯลฯ
และนำฝ้ายมายัดไส้หมอน
11.ใช้สำหรับในการแกะสลัก เช่น แกะสลักพระพุทธรูป
12.นำมาทำครก
13.นำมาย้อมแห
|
ด้านแหล่งน้ำ |
จุดต้นน้ำ คือ ห้วยตองโกร เป็นแหล่งน้ำภูเขา |
1.เกิดแหล่งอาหารตามธรรมชาติ
2.ใช้ในการอุปโภค บริโภคและการนำไปใช้ในการดำรงชีวิต
3.เป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ
4.เป็นแหล่งเรียนรู้ของเยาวชนและคนในชุมชน
5.เป็นการอนุรักษ์ป่าไม้และแหล่งต้นน้ำ
6.ใช้ในการเกษตร
7.ช่วยเพิ่ม และชะลอความ
ชุ่มชื้นของแหล่งต้นน้ำลำธาร ฟื้นฟูสภาพป่าและพื้นที่ลุ่มน้ำให้มีความอุดมสมบูรณ์
8.เป็นเครื่องมือในการอนุรักษ์ป่าต้นไม้ให้เป็นแหล่งต้นน้ำ
ลำธารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
9.ช่วยสร้างจิตสำนึกความเข้าใจและสำนึกในการอนุรักษ์แหล่งต้นน้ำลำธาร
10.เป็นแหล่งท่องเที่ยว
11.เพิ่มความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายของชนิดพืชและสิ่งมีชีวิต
|